วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2561

การอ่านนวนิยาย






หนังสือเรื่อง : หน้าต่างบานเเรก
ผู้แต่ง : กฤษณา อโศกสิน
ประเภท : นวนิยายสะท้องสังคม

         หน้าต่างบานแรกเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งที่มีชื่อว่า ''ฉายา'' หรือ ''ฉาย'' เขาเกิดในครอบครัวที่อบอุ่น ตระการและโฉมซึ่งเป็นพ่อและแม่ของฉายทำงานเป็นข้าราชการ ฉายเป็นคนที่เรียนไม่เก่งมาก แต่เขาเป็นเด็กเรียบร้อย ไม่เคยเกเร มีเล่นและเที่ยวเตร่กับเพื่อนฟูงบาง วันหนึ่งเขาได้พบกับหนึ่ง หญิงสาวที่ทำให้ชีวีตของฉายเปลี่ยนไปด้วยความสงสารหนึ่ง และความใจอ่อนเขาฉายทำให้หนึ่งทำให้ฉายหลงรัก และมีอะไรกันจนทำให้หนึ่งท้อง หนึ่งเป็นเด็กที่อยู่ในครอบครัวที่พ่อแม่หย่าร้างกัน เธอถูกปลูกฝังมาในทางที่ผิด แม่ของหนึ่งไม่สนใจในพฤติกรรมของหนึ่งเลย เมื่อรู้ว่าหนึ่งท้องแม่หนึ่งก็ไล่หนึ่งออกจากบ้าน จนทำให้ต้องมาอยู่บ้านฉาย พ่อแม่ของฉายาไม่เต็มใจยอมรับหนึ่ง แต่ไม่กล้าไล่หนี เพราะกลัวลูกชายของตนจะหนีตามไปด้วย หนึ่งเป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่สนใจตัดหางปล่อยวัด กิริยามารยาทไม่ดี พูดน้ำเสียงแข็งกระด้าง เมื่อหนึ่งเขามาอาศัยอยู่ในบ้าน ก็ไม่ช่วยทำงานบ้าน และเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายขึ้นกว่าเดิม  เขาทำเธอท้องและพามาอยู่ด้วยที่บ้านเพราะต้องรับผิดชอบ ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้พ่อและแม่ของฉายเสียใจมากที่เห็นลูกชายคนเดียวทำตัวเหลวไหล เมื่อหนึ่งเข้ามาอยู่บ้านใหม่ๆทั้งสองรักกันมาก ชอบคุยคิกคักกันสองคน แต่เมื่อเวลาผ่านไป หนึ่งท้องโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความที่เธอเป็นวัยรุ่นทำให้เธอไม่ค่อยมีความอดทน ชอบเหวี่ยงใส่คนรอบตัว ไม่มีความเคารพพ่อแม่ของฉาย ทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่มีระเบียบวินัย และทะเลาะกับฉายบ่อยขึ้น ซึ่งทำให้พ่อแม่ของฉายกลุ้มใจรวมถึงตัวฉายด้วย หนึ่งทำตัวไม่ดีกับคนในบ้านและใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไปซื้อของไม่จ่ายเงิน ทำให้เดือดร้อนถึงแม่ฉายเพราะต้องไปจ่ายเงินตามหลังทุกครั้ง หนึ่งไม่ค่อยอยู่ติดบ้านถึงแม้ตัวเองจะท้องอยู่แท้ๆ ไม่ดูแลสุขภาพไม่นึกถึงลูกในท้องของตัวเอง เมื่อคลอดลูกแล้ว พ่อแม่ฉายตั้งชื่อเด็กว่า ''ฉม'' ชื่อเติมคือ ''ฉมนรี'' ทำให้บ้านหลังนี้ดูสดชื่นขึ้นจากเดิมที่กลุ่มใจเรื่องหนึ่ง พ่อและแม่ของฉายเห่อหลานมาก ฉายเองก็ดีใจ และตัวเขาก็รู้สึกได้ถึงการเป็นพ่อ  แต่หนึ่งเฉยๆไม่ได้อะไรมาก ได้แต่แต่งตัวสวยๆออกไปเที่ยวข้างนอก เธอไม่ได้สนใจลูกของเธอเลยเริ่มหมดรักฉาย ทะเลาะกันมากขึ้น หนึ่งขอออกไปทำงานแต่ฉายไม่อยากให้ไปทำงานเพราะต้องให้นมลูกแต่ก็ห้ามหนึ่งไม่ได้ เธอออกไปหางานทำจนได้งานที่โรงแรม พ่อแม่และฉายกลุ้มใจมาก เรื่องที่หนึ่งออกไปหางานทำ เธอกลับดึกและไม่ได้ให้นมลูกกิน จนทำให้แม่ของฉายถึงขั้นจ้างหนึ่งให้อยู่บ้านให้นมลูกกินเพราะความสงสารหลานตัวเล็กๆ ฉายเองก็พยายามศึกษาการเลี้ยงดูลูก และเขาก็เลี้ยงดูเป็นอย่างดีเอาใจใส่ทุกอยาง่ เลิกเรียนก็รีบกลับบ้าน ส่วนหนึ่งก็ออกหางานได้เป็นพนักงานเสิร์ฟในโรงแรมเล็ก ๆ โดยไม่สนใจใคร พอมีผู้ชายมาติดพันหนึ่งก็เริ่มกลับบ้านผิดเวลา วันหยุดก็ไม่เคยอยู่บ้าน ฉายเตือนแต่หนึ่งก็ไม่ฟังหนักเข้าก็ทะเลาะกันเป็นประจํา ฉายตามหนึ่งไปเห็นหนึ่งเข้าโรงแรมม่านรูดกับลูกชายเจ้าของโรงแรมที่หนึ่งทํางานอยู่ฉายารอจนทั้งคู่ออกมาแล้วยกหนึ่งให้ผู้ชายคนใหม่ไป หี่งกลับมาเก็บของที่บ้านอย่างไม่สะทกสะท้านหรืออาลัยใยดีแม้แต่ลูก ฉายเองกลับเป็นฝ่ายที่เสียใจมาก ฉายเริ่มตระหนักในความผิดพลาดของเขาเอง โฉมก็ได้แต่เตือนว่าหน้าต่างบานแรกของเด็กๆ พอเปิดไปเจออะไรก็ซาบซึ้งก็คิดว่านั้นแหละคือโลกทั้งหมด ซักพักก็จะปิดบานแรกไปเปิดบานที่ 2 บานที่ 3 ตอนนี้ฉายากําลังเอื้อมมือไปปิดหน้าต่างบานแรกของเขา มันอาจไม่คอยเข้าเพราะฝืด อาจเป็นได้ว่าไม้ที่ทําหน้าต่างยังสดเกินไป พอผ่านฝนผ่านหนาวอีกสักพักก็คงจะดีขึ้น ทำให้ฉายได้รับบทเรียนราคาแพง
  เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงสภาพสังคมของแต่ละครอบครัวในการอบรบและดูแลลูก สะท้อนปัญหาเรื่องของวัยรุ่นที่มีครอบครัวแล้วแม้ตัวเองยังไม่พร้อมทำให้ครอบครัวเกิดปัญหา
ตัวละคร
ตระกา : เป็นพ่อของฉาย อาชีพข้าราชการ เป็นคนลุ่มลึก มองโลกด้วยความเข้าใจ
โฉม : แม่ของฉาย อาชีพข้าราชการ เป็นคนค่อนข้างใจร้อน แต่ยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างมีสติ
ฉาย  : เป็นหนุ่มนักศึกษามีความอยากรู้อยากลอง ขี้สงสาร เชื่อคนง่าย
หนึ่ง : เป็นเด็กหญิงอายุ16 หน้าตาดี ชอบเที่ยวเตร่ มีความขี้เกียจและเอาแต่ใจสูง กิริยามารยาทไม่ดี พูดน้ำเสียงแข็งกระด้าง
ความคิดเห็นของผู้เขียน     
     สะท้อนถึงสังคมที่มีในปัจจุบัน ซึ่งหลายคนอาจมองเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว แต่ผู้เขียนเขียนเพื่อที่จะเป็นคติสอนใจผู้อ่านในการเปิดหน้าต่างบานแรกว่าควรที่จะคิดให้รอบคอบก่อนทำอะไรลงไปเพราะมิฉนั้นจะทำให้ตนเองเสียใจ และยังรวมไปถึงคนรอบข้างด้วย

สิ่งทีประทับใจ
        ประทับใจในคำพูดของตระการพ่อของฉายที่พูดว่า "อย่าลืมว่าเราอายุห้าสิบนะแม่ ความคิดของเขากับเรามีช่องว่างมากแล้ว" เป็นการบอกว่าพ่อแม่ต้องคิดว่าลูกคิดอะไรอยู่เอาใจเขามาใส่ใจเราแล้วเราอาจจะได้รู้ถึงความคิดเขา ประทับใจพ่อแม่ฉายที่พยายามยอมรับและทำความเข้าใจลูกชายและลูกสะใภ้
ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้
     ได้ข้อคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิต การดูแลเอาใจใส่จากครอบครัว ได้ข้อคิดเตือนใจมากมายเพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่อ่อนต่อโลก การใช้อารมณ์ชั่ววูบแต่นาทีเดียวก็สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนเราได้

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2561

การอ่านบทความ


    

เรื่อง  กว่าจะได้นั่งบัลลังก์ศาล
ผู้เขียน ณัฐปกรณ์ พิชญปัญญาธรรม
ประเภทของบทความ บทความชีวประวัติ

         กว่าจะได้นั่งบัลลังก์ศาล

    จากเด็กยากจน เป็นลูกคนใบ้ ถูกพ่อทิ้ง แม่มีสามีใหม่ อาศัยอยู่กับยายที่มีปัญญาส่งเรียนแค่ ป.6 ใช้ชีวิตอย่างปากกัดตีนถีบ เคยเป็นช่างซ่อมรถเพื่อส่งตัวเองเรียนศึกษาผู้ใหญ่ตั้งแต่ ม.1-6 และขณะที่เรียนปี 1 เขาก็ลงทุนขายน้ำเต้าหู้ เพื่อหาเงินเป็นทุนในการศึกษาของตน โดยไม่ต้องพึ่งยาย แต่เมื่อเรียนปี 2 เนื้อหาวิชาเข้มข้นขึ้นจึงต้องหยุดขายน้ำเต้าหู้ และได้มาพักอยู่ใน มหาวิทยาลัยโดยใช้ดาดฟ้าบนหลังคาส้วมเป็นที่อาศัย ดำเรียนจบปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ ใช้เวลาเรียน 3 ปีเท่านั้น ทำให้ยายดีใจมาก จากนั้นเขาได้เรียนต่อเนติบัณฑิตใช้เวลา 1 ปี เมื่อทำงานเขาก็ได้ไปรับแม่มาอยู่ด้วยที่กรุงเทพฯ และตั้งใจจะสอบผู้พิพากษา เขาใช้ ความพยายามถึง 3 ครั้ง จึงประสบความสำเร็จ สามารถสอบเป็นผู้พิพากษาได้ มีเงินและมี ความมั่นคงในชีวิต สามารถดูแลแม่และยายให้มีความสุขสบาย แม้ชีวิตของเขาจะประสบ ความยากลำบากมาตลอด แต่ด้วยจิตใจอันแข็งแกร่งเปี่ยมด้วยความมุมานะ ขยันอดทน และ ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค ทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างน่ายินดียิ่ง 

ความคิดเห็นของผู้เขียน
คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะอยู่และที่จะเป็นได้ คนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้น ไม่จำเป็นต้องเกิดในครอบครัวที่พรั่งพร้อมเสมอไป แต่ความสำเร็จจะเป็นของคนที่มีความมานะพยายาม ขยันและอดทนเท่านั้น แม้จะต้องเจออุปสรรคมากมายแต่ทุกอุปสรรคย่อมผ่านพ้นไปได้

ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
  • เราต้องไม่ยอมแพ้เมื่อล้มเหลว ผู้ที่ต้องการก้าวไปสู่ความสำเร็จจะต้องไม่มองความล้มเหลวเป็นอุปสรรค แต่ควรคิดว่าอุปสรรคจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้ชีวิตดียิ่งขึ้น ขอให้เราเริ่มลงมือทำใหม่ ผลแห่งความสำเร็จก็จะค่อย ๆ ก่อร่างของมันขึ้นมาเอง และอาจจะไม่สำเร็จในทันทีทันใดถ้าเราไม่ท้อใจเสียก่อน ความสำเร็จก็จะเกิดขึ้นในชีวิตของเราได้แน่นอน ผู้เขียนได้ผ่าน การล้มเหลวหลายครั้ง เช่น ไม่ได้เป็นตำรวจ ต้องสอบผู้พิพากษาถึงสามครั้ง แต่ละครั้งที่ล้มเหลวได้นำความล้มเหลวมาแก้ไขปรับปรุงก็จะได้เห็นบทเรียนที่มีคุณค่าแฝงอยู่ทุกครั้ง ผู้เขียนกล่าวว่า “ความล้มเหลวคือครูหรือบทเรียนที่มีราคาแพง
  • เราต้องมีเป้าหมายในชีวิต บุคคลใดที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตจะต้องเริ่มกำหนดเป้าหมายของชีวิตเสียตั้งแต่วันนี้ โดยบอกกับตนเองว่า ไม่มีเวลาเหลือพอสำหรับชีวิตที่อยู่ไปวัน ๆ อีกแล้ว เมื่อเราได้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน อนาคตของเราจะเปลี่ยนแปลงไปในทางบวก ความเป็นไปได้ของความสำเร็จก็จะเริ่มคืบคลานมาหาเราในไม่ช้า
  • เราต้องรู้จักคุณค่าของตนเอง การรู้จักคุณค่าของตนเองเป็นกุญแจดอกแรกที่จะนำไปสู่ความสำเร็จโดยเราต้องค้นหาชีวิตและศักยภาพของตัวเองให้พบว่า เราดีด้านไหนและมากน้อยเพียงใด การที่เราจะก้าวไปข้างหน้าสู่จุดหมายที่สูงขึ้นทั้งชีวิตส่วนตัวและการงานได้นั้น เราต้องยอมรับความจริงพื้นฐานที่ว่า เราเป็นคนที่มีความสามารถไร้ข้อจำกัด และให้คิดอยู่ตลอดเวลาว่าใครก็ตามที่ได้ประสบความสำเร็จในชีวิต เราก็ทำได้สำเร็จเช่นเดียวกัน
  • เราต้องมีความใฝ่ฝันและใฝ่รู้ ความใฝ่ฝันจะต้องประกอบด้วยความเชื่อและความคาดหวัง เพราะเป็นเสมือนพลังที่ขับเคลื่อนชีวิต ให้เราไปถึงความสำเร็จได้อย่างคาดไม่ถึง แต่ความใฝ่ฝัน ของคนเราจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ด้วย ผู้เขียนมีความใฝ่ฝันหลายอย่างแต่ก็เลือกที่จะเอาความใฝ่ฝันที่สูงสุดในชีวิตตามโอกาสและเหตุปัจจัยที่นำพาแต่ละช่วงก้าวเดิน ส่วนการใฝ่รู้ ปัจจุบันความเจริญก้าวหน้าของโลกทุกด้านเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนต้องมีการใฝ่รู้ตลอดเวลา ดังคำกล่าวที่ว่า เราต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต
  • เราต้องลงมือทำ ทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมาจะประสบความสำเร็จไม่ได้หากไม่ลงมือทำ โดยเริ่มที่ลงมือกระทำด้วยใจรัก เพราะฉะนั้นถ้าเราทำสิ่งใดก็ตามขอให้ทำด้วยใจรักจริง ๆ ต่อมาต้อง ลงมือทำด้วยความอดทนและพยายาม ทุกคนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ถ้าสอบถามแล้วเขาก็จะพูดเป็นเสียงเดียวว่า เราต้องมีความอดทน
  • เราต้องรู้จักขอบคุณในทุกกรณี ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา มีเหตุมีผลและเป้าหมายในตัวทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นให้เราเรียนรู้ที่จะขอบคุณ เหตุการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อมันเข้ามาในชีวิตของเรา เพื่อจะทำให้เรามีสันติสุขในการต่อสู้ชีวิตต่อไป
  • เราต้องมีที่ปรึกษาที่ดี พ่อแม่เป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุดในชีวิตของเรา เพราะท่านเป็นผู้ผ่านประสบการณ์มากมาย ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน ต่อมาคือครูอาจารย์เป็นผู้ที่มีความหวังดีต่อลูกศิษย์ หรือคนที่เราไว้ใจได้คือเพื่อนแท้นั้นเอง

     สาเหตุที่เลือกอ่านหนังสือเล่มนี้
เนื่องจากหนังสื่อ "กว่าจะได้นั่งบัลลังก์ศาล" เป็นหนังสือที่อ่านแล้วรู้สึกประทับใจในทุกตอนและในทุกๆตอนยังมีคุณธรรมดีๆอยู่ด้วยทุกตอน อ่านตอนแรกแล้วมีความรู้สึกว่าอยากรู้ถึงเรื่องราวของผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เพิ่มมากขึ้น

อ้างอิงจากหนังสือ : กว่าจะได้นั่งบัลลังก์ศาล
อ้างอิงจากลิงค์ : https://www.winnews.tv/news/1696


สรุปบทความโดย นางสาวปริญญา อักษรเนียม รหัสนิสิต 611031520 
สาขาวิชา เทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา



วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2561

แนะนำตัว

สวัสดีค่ะ น้องชื่อ คุ๊กกี้ 
นางสาวปริญญา อักษรเนียม
รหัสนิสิต 611031520 
จบจากโรงเรียนพัทลุง จังหวัดพัทลุง 
สาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาค่ะ

อ้างอิง 


การอ่านนวนิยาย

หนังสือเรื่อง : หน้าต่างบานเเรก ผู้แต่ง : กฤษณา อโศกสิน ประเภท : นวนิยายสะท้องสังคม           หน้าต่างบานแรกเป็นเร...